Filesatoz ข่าวไอที gadgetมาใหม่ อัพเดทโลกไซเบอร์ GADGETS ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์

ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์


ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ gadgetมาใหม่ อัพเดทโลกไซเบอร์ ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์

               นับเป็นเวลามากกว่า 100 ปีแล้วตั้งแต่ที่คอมพิวเตอร์ตัวแรกถูกสร้างขึ้น ประวัติศาสตร์ของคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นพัฒนาการมาโดยตลอดจนปัจจุบัน คอมพิวเตอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมนุษย์ เพื่อที่จะรองรับเทคโนโลยีใหม่อย่าง AI (Artificial Intelligence), IoT(Internet of Things), Blockchain, Big Data คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองด้วยเทคโนโลยี Machine Learning และ Deep Learning แม้แต่การสื่อสารและตอบโต้ด้วยความเข้าใจภาษาพูดของมนุษย์ด้วย NLP (Natural Language Processing)

ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ gadgetมาใหม่ อัพเดทโลกไซเบอร์ ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์

ขอบคุณภาพประกอบจาก TECHNEWS98

– คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในโลก

               คอมพิวเตอร์เครื่องแรกในโลกเป็นเครื่องกลคอมพิวเตอร์ (Mechanical Computer) ที่ทำงานเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ (Analytical Engine) ซึ่งรวมคุณสมบัติของ Arithmetic Logic Unit (ALU), Control Flow และ Integrated Memory ไว้ในตัวเอง

ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ gadgetมาใหม่ อัพเดทโลกไซเบอร์ ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์

ขอบคุณภาพประกอบจาก EUREK ALERT

– คอมพิวเตอร์แบบ Analog

               คอมพิวเตอร์แบบ Analog เครื่องแรกเป็นแบบ Tide-Predict Machine และเครื่องกลแบบ Differential Analyzer ที่สามารถแก้สมการ Differential ได้ โดยใช้กลไกของวงล้อและจาน (Wheel and Disc) โดยคอมพิวเตอร์แบบ Analog ได้ถูกพัฒนาสู่จุดสูงสุดเมื่อ Differential Analyzer ร่วมทำงานกับเครื่องขยายแรงบิด (Torque Amplifiers) ได้ แต่คอมพิวเตอร์แบบ Analog ก็ถูกแทนที่โดยคอมพิวเตอร์แบบ Digital ในเวลาต่อมา

– คอมพิวเตอร์แบบ Digital

คอมพิวเตอร์แบบ Digital ในยุคแรกจะใช้แม่เหล็กไฟฟ้าไปขับเคลือน Relay แบบ Mechanic ในการทำงาน ต่อมาก็ถูกแทนด้วยระบบแบบใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์แบบรีเลย์แม่เหล็กไฟฟ้า

ปี 1941 จึงเกิดคอมพิวเตอร์แบบเครื่องกลไฟฟ้าที่โปรแกรมได้ (Electromechanical Programmable) ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์แบบ Digital เต็มรูปแบบเครื่องแรกที่ทำงานด้วยหลอดสุญญากาศ (Vacuum Tubes) ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็นใช้วงจร Electronic (Electronic Circuits) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของชิ้นส่วน Electronic ต่างๆ เช่น Register, Transistor, Inductor, Capacitor และ Diode เป็นต้น

ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์ gadgetมาใหม่ อัพเดทโลกไซเบอร์ ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์
ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์

ขอบคุณภาพประกอบจาก NOTEBOOK CHECK

– คอมพิวเตอร์แบบ Modern

               คอมพิวเตอร์แบบ Modern ถูกสั่งงานโดยโปรแกรมที่เก็บในเครื่อง (Stored Program) ซึ่งจะประกอบด้วยชุดคำสั่ง (Instruction Set) ทำงานร่วมกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลดิจิตอลแบบ Random Access

               ในยุคแรกของคอมพิวเตอร์แบบ Modern จะทำงานด้วย MOSFET หรือ Metal Oxide Silicon Field Effect Transistor ซึ่งเป็นทรานซิสเตอร์ที่ย่อส่วนได้และผลิตเป็นจำนวนมากได้ MOSFET เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา HDIC (High Density Integrated Circuit) หรือ VLSI (Very Large Scale Integration) และ หน่วยความจำที่ใช้ MOS (Metal Oxide Semiconductor) และ Microprocessor ในการพัฒนาไปสู่การสร้างไมโครคอมพิวเตอร์

               ต่อมาจึงมีการพัฒนา IC (Integrated Circuit) เป็นวงจรที่รวม MOS ทรานซิสเตอร์จำนวนมากมาอยู่ในชิปเล็กๆตัวเดียว ไปจนถึง Hybrid Integrated Circuit ซึ่งรวมอุปกรณ์ Semiconductor และPassive Component อื่นอย่างมารวมอยู่ในแผงวงจร PCB (Print Circuit Board) แผงเดียว

– การแบ่งคอมพิวเตอร์ตาม Architecture

  • Analog Computer คือคอมพิวเตอร์แบบเดิมที่ใช้การทำงานของการเปลี่ยนแปลงกายภาพทางไฟฟ้า, ทางกล และทางไฮดรอลิค
  • Digital Computer คือคอมพิวเตอร์ที่ใช้การทำงานของวงจรอิเลคทรอนิคส์ร่วมกับแม่เหล็กไฟฟ้า
  • Hybrid Computer คือคอมพิวเตอร์ที่รวมความสามารถของดิจิตอลคอมพิวเตอร์และอนาล็อกคอมพิวเตอร์ไว้ในเครื่องเดียวกัน
  • Complex Instruction Set Computer (CISC) คือ คอมพิวเตอร์ที่มีชุดคำสั่งที่ครอบคลุมการทำงานทางสถาปัตยกรรมของคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น
  • Reduced Instruction Set Computer (RISC) คือ คอมพิวเตอร์ที่มีชุดคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงสำหรับทำงานควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์เฉพาะด้าน

– การแบ่งคอมพิวเตอร์ตาม Size

               Supercomputer คือคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยใช้ Floating-point Operation per Second หรือ FLOPS เป็นตัวชี้วัด จุดประสงค์คือนำมาใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพในการประมวลผลสูงๆ อย่าง กลศาสตร์ควอนตัม, งานพยากรณ์อากาศ, งานขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ, งานสร้างแบบจำลองโมเลกุล เป็นต้น

               Mainframe Computer เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่สำหรับงานที่มีความสำคัญและมีปริมาณข้อมูลมาก เช่นงานวิเคราะห์ประชากร, งานวางแผนทรัพยากรองค์กร, งานสถิติผู้บริโภค, งานประมวลผลทรานแซคชั่นจำนวนมากๆ เป็นต้น มีระบบที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง, มี Throughput สูง, มีระบบสำรอง, สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆได้ทันทีโดยไม่ต้องปิดระบบ, มีการกระจายการประมวลผลให้ทำงานร่วมกันได้หลายเครื่อง

               Minicomputer ปัจจุบันมักใช้คำว่า Midrange Computer แทน คือคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพอยู่ตรงกลางระหว่าง Mainframe Computer กับ Microcomputer นำมาใช้ในงานควบคุมกระบวนการผลิต, ระบบควบคุมชุมสายโทรศัพท์, ระบบควบคุมอุปกรณ์ใน Lab เป็นต้น

               Server คือคอมพิวเตอร์ที่ทำงานสนับสนุนหรือให้บริการ Resources ต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล, เครื่องพิมพ์ และอื่นๆ แก่โปรแกรมหรืออุปกรณ์ที่เรียกว่า Clients ผ่านโครงข่ายคอมพิวเตอร์

               Personal Computer คือคอมพิวเตอร์เอนกประสงค์ที่ใช้งานส่วนบุคคล และรองรับการทำงานร่วมกับSoftware และ Freeware โดย Personal Computer มีหลายระดับตามความสามารถ คือ Workstation, Microcomputer ที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Home Computer, Desktop Computer, Laptop ที่บางครั้งเราก็เรียกว่า Notebook Computer, Mobile Computer ที่สามารถถือติดตัวไปทำงานที่ไหนก็ได้ เช่น Tablet Computer, Smartphone, Palmtop PC, Pocket PC, Handheld PC เป็นต้น

               Wearable Computer คือคอมพิวเตอร์ที่ผูกติดอยู่กับตัวผู้ใช้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในวิถีชีวิตประจำวันมนุษย์ เช่น Smart-watch และ Smart-glass เป็นต้น

               ประวัติศาสตร์ทางคอมพิวเตอร์มีวิวัฒนาการมาอย่างยาวนานและจะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ

#gadgetมาใหม่ #อัพเดทโลกไซเบอร์ #ประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์

Leave a Reply

Your email address will not be published.