
Cloud หรือ Cloud Computing คือการประมวลผล จัดเก็บหน่วยความจำ ระบบออนไลน์ต่างๆผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ด้วยอุปกรณ์จำนวนมาก เชื่อมต่อกันโดยมีเป้าหมาย เพื่อนำพลังในการประเมินผลทั้งหมดมาประสานกัน และยังสามารถลดต้นทุนในการใช้งานทรัพยากรเป็นจำนวนมาก
ถ้าจะพูดให้ง่ายกว่านั้น Cloud computing ก็คือ การใช้งานคอมหลายๆตัวให้เป็นเหมือนคอมเครื่องเดียว อย่างที่เราได้เห็นและได้ยินบ่อยๆว่ามี Cloud ให้ได้ใช้งานเช่น google cloud , Amazon Cloud, iCloud หรือการให้บริการ Cloud Server ต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะแชร์ทรัพยากรในการประมวลผลทั้งหมด (หรือบางส่วน) ร่วมกัน ล้วนเรียกว่า Cloud computing หรือหากมีการแชร์ หรือให้บริการเฉพาะพื้นที่จัดเก็บข้อมูลก็จะเรียกว่า Cloud Storage อย่าง Google Drive , One Drive , Hotmail หรือ Gmail ก็ล้วนแต่ใช้งานคราวด์ทั้งสิ้น
ปัจจุบันมีการให้บริการ Cloud computing เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าหากคุณต้องการที่จะติดตั้ง Server สักเครื่องหนึ่ง ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปติดตั้งอุปกรณ์ด้วยตนเอง แต่สามารถใช้บริการ Cloud Server ได้เลย ซึ่งผู้ให้บริการก็สามารถอำนวยความสะดวกให้ได้ว่าจะใช้ทรัพยากรมากน้อยเพียงใดทั้งแรม ซีพียู หรือหน่วยความจำ นอกจากนี้ Cloud computing ยังสามารถจำแนกการใช้งานได้เป็น 3 ประเภท โดยแบ่งตามรูปแบบที่ให้บริการ ได้แก่

– การให้บริการ Cloud computing
infrastructure as a Service (IaaS) เป็นเหมือนระบบคอมพิวเตอร์ที่มีทั้งหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ ทรัพยากรทั้งหมดดังที่กล่าวมาข้างต้น
platform as a Service (PaaS) เป็นการใช้งาน platform ต่างๆร่วมกัน เช่นการพัฒนา Web Application หรือ Software platform Application เป็นต้น
Software as a Service (SaaS) เป็นการใช้งาน Software อยู่บน Cloud โปรแกรมบริหารจัดการบัญชี โปรแกรมธุรกิจต่าง ๆ เป็นต้น
ความเข้าใจผิดของ Cloud เนื่องจากมักถูกมองว่าเป็นการแชร์ข้อมูลขึ้นไปบนก้อนเมฆ แต่ความจริงนั้นก็คือ คราวด์คอมพิวติ้งถูกเปรียบเทียบเหมือนกันกับก้อนเมฆ ที่มีอยู่กระจัดกระจายทั่วโลกเพียงเท่านั้น โดยที่ผู้ใช้งาน Cloud หรือแม้แต่เจ้าของระบบ Cloud เองอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่า คราวด์ที่กำลังใช้บริการอยู่นี้มีเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้บริการอยู่ที่ไหนบ้างในโลกเพราะ
คลาวด์คอมพิวติ้งจะเป็นการแชร์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกันตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป และไม่จำกัดว่าข้อมูลจะอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แต่จะจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลร่วมกันทั้งหมด นั่นหมายความว่า หากเครื่อง 1 ดับเครื่อง Server อื่นๆก็ยังสามารถดำเนินการได้ปกติ และข้อมูลก็ไม่สูญหายแต่อย่างใด ถือเป็นความปลอดภัยของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม คราวคอมพิวติ้งก็มีความต้องการในการใช้งานที่แตกต่างเพื่อความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นจึงมีการแบ่งประเภทของ Cloud Technology โดยแบ่งตามรูปแบบการใช้งาน ดังต่อไปนี้

– ประเภทการใช้งานของเทคโนโลยี Cloud
1. Private Cloud เป็นการใช้งานส่วนบุคคล หรือเฉพาะสำหรับองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น ผู้ใช้บริการสามารถบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมด ในระบบต่าง ๆ ด้วยตนเองส่วนผู้ให้บริการก็จะมีหน้าที่ติดตั้งดูแลรักษาให้ ข้อดีของระบบนี้ก็คือมีความเป็นส่วนตัวจึงมีความปลอดภัยที่สูงสุด
2. Community Cloud เป็นการใช้บริการแบบกลุ่มซึ่งประกอบไปด้วย private cloud ตั้งแต่ 2 ขึ้นไปโดยมีข้อตกลงในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
3. Public Cloud เป็นการเปิดใช้งาน Cloud computing ร่วมกันแบบสาธารณะโดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแต่มีต้นทุนที่ต่ำ
4. Hybrid Cloud เป็นการผสมผสานกันระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud ไม่ใช้ร่วมกัน

จะเห็นได้ว่า การใช้งานระบบ Cloud ปัจจุบันนี้มีอยู่รอบตัวเรา การจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ต การประมวลผลของ Server ของผู้ให้บริการต่าง ๆ ล้วนแต่ใช้คลาวด์คอมพิวติ้งทั้งสิ้น นับว่าการที่เราสามารถที่จะประมวลผลร่วมกัน เก็บข้อมูลร่วมกัน และใช้ทรัพยากรต่างๆร่วมกันได้นั้น ถือเป็นความก้าวหน้าของโลกแห่งเทคโนโลยที่ไร้ขีดจำกัด
#gadgetมาใหม่ #อัพเดทโลกไซเบอร์ #Review app #Cloud คืออะไร