ทาง Qualcomm ได้ทำการเปิดตัวชิปเซ็ตระดับกลางรุ่นใหม่ด้วยกันถึง 4 รุ่นด้วยกันคือ Snapdragon 778G+ , Snapdragon 695 , Snapdragon 680 และ Snapdragon 480+ โดยชิปเซ็ตทั้งหมดนี้ได้มีการออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานในส่วนต่างๆได้ดีมากยิ่งขึ้น
ซึ่งการออกแบบชิปเซ็ตทั้งหมดนี้ให้สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนได้หลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy A52s, Motorola Edge 20, OnePlus Nord N10 และ Sony Xperia 10 III และอีกหลากหลายรุ่น
เราไปดูการออกแบบและระบบการทำงานของชิปเซ็ตทั้ง 4 รุ่นกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
- เริ่มต้นที่ระบบชิปเซ็ตที่ถือได้ว่าเป็นตัวท็อปสุดของรุ่นเลยก็ว่าได้สำหรับชิปเซ็ต Snapdragon 778G+ ที่ออกแบบมาพร้อมกับเทคโนโลยี AEMv8 ประกอบไปด้วย CPU รวม 8 แกน แบ่งเป็น Cortex-A78 จำนวน 4 แกน และ Cortex-A55 อีก 4 แกน ให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 2.5GHz ส่วนของ GPU ได้มีการออกแบบเป็น Adreno 642L และหน่วยประมวลผล Machine Learning เป็น Hexagon 770 โดยสามารถรองรับการถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุด 192 ล้านพิกเซล และสามารถรองรับการทำงานในระบบ 5G โดยใช้โมเด็ม X53 5G ที่รองรับทั้ง mmWave และ sub-6GHz ในส่วนของหน้าจอแสดงผลรองรับ refresh rate สูงถึง 144Hz บนความละเอียด Full HD
- ระบบชิปเซ็ต Snapdragon 695 ได้มีการอัปเกรดให้เป็น CPU ที่มีความเร็วขึ้นกว่าเดิมจาก 2GHz เป็น 2.2GHz และอัปเกรด GPU ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมเป็น Adreno 619 โดยมาพร้อมกับการถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 108 ล้านพิกเซล และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Slow-Motion 720p ที่ 120 fps ซึ่งในการทำงานของชิปเซ็ตนี้สามารถรองรับการทำงานในระบบ 5G โดยใช้โมเด็ม X51 ในส่วนของหน้าจอแสดงผลสามารถรองรับ refresh rate สูงถึง 120Hz บนความละเอียด Full HD+
- ระบบชิปเซ็ต Snapdragon 680 มาพร้อมกับการออกแบบ CPU รวม 8 แกน แบ่งออกเป็น Cortex-A73 จำนวน 4 แกน และ Cortex-A55 อีก 4 แกน ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 2.4GHz ในส่วนของ GPU ยังไม่ได้มีการออกแบบหรือการเปลี่ยนแปลใดๆ โดยมีหน่วยประมวลผลแบบ AI เป็น Hexagon 686 ในส่วนของหน้าจอแสดงผลสามารถรองรับ refresh rate สูงถึง 90Hz บนความละเอียด Full HD+ ซึ่งในการทำงานของระบบชิปเซ็ตนี้สามารถรองรับการเชื่อมต่อสูงสุดเพียงแค่ระบบ 4G เท่านั้น โดยใช้โมเด็ม X11
ระบบชิปเซ็ต Snapdragon 480+ ได้มีการอัปเกรดมาจากระบบชิปเซ็ต Snapdragon 480 โดยมีความเร็วในการทำงานของ CPU จากเดิมอยู่ที่ 2GHz เป็น 2.2GHz ในส่วนของสเปกทั้งหมดมีความคล้ายกับตัวเดิมทุกอย่าง มีความแตกต่างเพียงการเชื่อมต่อของ Bluetooth สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับ Bluetooth 5.2 เท่านั้น ซึ่งชิปเซ็ตตัวนี้สามารถรองรับ 5G โดยใช้โมเด็ม X51
และในส่วนของการถ่ายภาพที่สามารถรองรับการถ่ายภาพด้วยความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล ในส่วนของหน้าจอแสดงผลสามารถรองรับ refresh rate สูงถึง 120Hz บนความละเอียด Full HD+
#gadgetมาใหม่ #อัพเดทโลกไซเบอร์ #ชิปเซ็ตQUALCOMM
