ปัญญาประดิษฐ์ช่วยขับเคลื่อนข้อมูลเชิงลึกทางการแพทย์ได้อย่างไร

               ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้ในการตัดสินใจทางคลินิกเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย แต่อัลกอริทึมเหล่านี้ยังสามารถช่วยให้ผู้นำขององค์กรตัดสินใจทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ได้ดีขึ้นด้วย

               ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพได้สร้างกรณีที่ชัดเจนสำหรับการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเสริมการตัดสินใจทางคลินิกและเพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย Jason Jones หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่ Health Catalyst กล่าวว่าอัลกอริทึมเหล่านี้ ยังสามารถช่วยให้ผู้นำองค์กรตัดสินใจทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์ได้ดีขึ้น

– ปัญญาประดิษฐ์ช่วยผู้นำองค์กรตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้ดีขึ้น

               นอกจากนั้น Jones ยังให้ความเห็นว่า เราไม่ได้ตั้งความหวังหรือความปรารถนาที่จะให้ปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่มนุษย์ คือ สามารถใช้เพื่อจัดการกับคุณภาพ ค่าใช้จ่าย และประสบการณ์ของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ แต่เรามักจะมองข้ามวิธีที่ปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยผู้บริหารด้านการดูแลสุขภาพเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์เหล่านี้

ภาพประกอบจาก Compliance Navigator for Medical Devices

               ในความเป็นจริงแพทย์มักมีการฝึกอบรมและการศึกษาเฉพาะด้านเป็นเวลากว่าทศวรรษหรือมากกว่านั้น ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพไม่ค่อยได้รับประโยชน์จากการศึกษาและการฝึกอบรมในระดับเดียวกันเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจทางธุรกิจที่สำคัญซึ่งมีอำนาจที่จะส่งผลต่อการดูแล แต่แพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์ที่เหมาะสมสามารถช่วยเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นได้ ช่วยให้พวกเขาโฟกัสความสนใจได้ดีขึ้น และจัดสรรทรัพยากรให้ถูกต้องได้

               Jones กล่าวเพิ่มเติมว่า คุณสามารถนึกถึงปัญญาประดิษฐ์ได้เหมือนกับเทคโนโลยี X-Ray ถ้าคุณนึกถึงเหยื่อกระสุนปืน ย้อนกลับไปก่อนการเอ็กซ์เรย์ คุณอาจหากระสุนไม่พบ แต่ด้วยการกำเนิดของรังสี X-Ray คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระสุนนั้นอยู่ที่ไหน และเห็นว่าต้องเกิดอะไรขึ้น และทุกคนสามารถทำงานได้จากความเข้าใจร่วมกันในสิ่งที่พวกเขากำลังมองหา

ปัญญาประดิษฐ์ให้ความสามารถแบบเดียวกันแก่ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและสอดคล้องกันและสามารถให้คำอธิบายได้มากขึ้น

               “ผลการศึกษาพบว่า หากคุณให้ผู้นำในระดับต่างๆ พล็อตอนุกรมเวลาเดียวกันของประสิทธิภาพในด้านใดด้านหนึ่ง มีเพียง 4% เท่านั้นที่สามารถตอบได้ว่าองค์กรของตนอยู่ที่ใดที่ระดับพื้นฐาน ไม่ว่าจะมีค่าความผิดปกติหรือไม่, ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องหรือไม่, การเปลี่ยนแปลงหรือแนวโน้มหรือทิศทางขององค์กรเป็นอย่างไร” เขากล่าว “แต่ปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 40% ถึง 45% และช่วยให้ผู้คนตีความข้อมูลได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถระบุได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”

ภาพประกอบจาก Borne Agency

ปัญญาประดิษฐ์ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานง่ายขึ้น

               ด้วยความสามารถดังกล่าวพร้อมการใช้งานที่บรรลุผลแล้ว สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการจัดการไม่เพียงแต่การปรับปรุงทางคลินิกและการเงิน แต่ยังสามารถจัดการกับปัญหาที่แพร่หลายมากขึ้น เช่น ความเท่าเทียมด้านสุขภาพและการริเริ่มด้านสุขภาพของประชากร

               Jones เพิ่มเติมว่าทุกวันนี้องค์กรมีเจ้าหน้าที่ที่มีความหลากหลาย, ความเท่าเทียม และการร่วมมือกัน ทว่าสิ่งที่หายากก็คือคนที่ฉลาดและกระตือรือร้นเหล่านี้จำนวนมากได้รับการสนับสนุนเชิงปริมาณเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย แต่เมื่อคุณมีปัญญาประดิษฐ์ คุณสามารถเริ่มถามคำถามอัลกอริทึมเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในการดูแลได้

               แทนที่จะถามว่าการเข้ารับการรักษาซ้ำในโรงพยาบาลเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหรือความดันโลหิตสูงหรือไม่ คุณสามารถถามว่าสิ่งเหล่านี้อาจเชื่อมโยงกับอายุ, เชื้อชาติ, ภาษาพูดหลัก หรือเพศหรือไม่ คุณสามารถรับข้อมูลเชิงลึกเพื่อให้คนที่มีความสามารถสูงที่คุณมีสามารถใช้วิจารณญาณของพวกเขาเพื่อกำหนดขั้นตอนการทำงานต่อไป

#gadgetมาใหม่ #อัพเดทโลกไซเบอร์ #ปัญญาประดิษฐ์