ในบ้านเราเพิ่งจะใช้งาน 4G กันแบบทุลักทุเล เรียกว่าให้คนไทยพอได้สัมผัสกับโทรศัพท์ที่สามารถเล่นเน็ตเล่นวีดีโอได้ตลอดเวลาในแทบทุกพื้นที่ จนกระทั่งในช่วงที่ผ่านมาไม่นานนี้ค่ายมือถือแต่ละเจ้าก็ประมวล 5G มาให้คนไทยได้ริเริ่มสัมผัสกันบ้าง ขณะที่โทรศัพท์หลายรุ่นก็ยังคงรองรับการใช้งาน 4G อยู่เลย ส่วนโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ ที่รองรับ 5G ก็มีอยู่ไม่มากนัก
แต่ทำไมกันนะ? หลาย ๆ คนหลายประเทศเริ่มที่จะพูดถึงการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์มาตรฐาน 6G กันอย่างหนาหูกันแล้ว ขณะที่บางประเทศเช่น ญี่ปุ่น ฟินแลนด์ จีน และเกาหลีใต้ ได้ทุ่มงบประมาณและเริ่มวิจัยพัฒนา 6G กันมาพอสมควรแล้ว โดยหวังชิงความได้เปรียบทางด้านการค้าที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ที่คงจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
ย้อนรอยประวัติศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์ แต่ละ Generation เริ่มตั้งแต่. .
ยุค 1G (First Generation) – ปี 1980 เป็นยุคที่มนุษย์เริ่มสร้างเครือข่ายอินเทอร์เน็ตขึ้นมาใช้งานเป็นครั้งแรก ซึ่งในยุคนี้เองยังมีการใช้โทรศัพท์ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้โทรเข้าออกเท่านั้น
ยุค 2G (Second Generation) – ปี 1990 เริ่มมีการส่งข้อมูลจากธรรมดาหรือที่เรียกกันว่าแบบอนาล็อกที่ใช้ในคลื่นวิทยุทั่วไปเปลี่ยนมาเป็นการส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบดิจิตอล ทำให้ในยุคนี้นอกจากจะสามารถเพิ่มจำนวนคนใช้งานโทรศัพท์มือถือได้แล้ว ยังสามารถส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบตัวอักษรได้ด้วย
ยุค 3G (Third Generation) – ปี 2000 เริ่มมีการพัฒนาให้โทรศัพท์มือถือมีความล้ำสมัยมากขึ้น เรียกว่าสมาร์ทโฟน ที่สามารถใช้งานมีเดีย ทั้งภาพ เสียง และวิดีโอต่างๆได้ พร้อมกันส่งผ่านข้อมูลที่รวดเร็ว
ยุค 4G (Fourth Generation) – ปี 2008 มีการใช้งานโครงข่ายโทรศัพท์ยุคนี้กันอย่างแพร่หลายจนถึงในปัจจุบัน ซึ่งความสามารถของ 4G นั้นก็คือ ความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูง
ยุค 5G (Fifth Generation) – ปี 2018 เป็นการพัฒนาโครงข่ายโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ซึ่งรวมไปจนถึงอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ (IoTs) ให้สามารถใช้งานได้ด้วยความเร็วสูง พบว่าสามารถทำให้โทรศัพท์มือถือที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีความเร็วมากกว่า 4G มากถึง 10 – 20 เท่า
จะเห็นได้ว่าตั้งแต่การใช้งานโทรศัพท์มือถือมีการพัฒนาทั้งโครงข่ายโทรศัพท์มือถือในแต่ละยุคโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10 ปี เพื่อเปลี่ยนจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง และด้วยแนวโน้มของการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน พบว่ามีความต้องการในการใช้งานเทคโนโลยีที่สูงขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับความต้องการที่จะครองความได้เปรียบในท้องตลาดของแต่ละบริษัทในแต่ละประเทศ จึงเป็นไปได้ว่า
“6G จะมาไวกว่าที่คิด”
รายงานพบว่าประเทศที่เริ่มพัฒนา 5G จนกระทั่งสำเร็จ ก็คือประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งครองความได้เปรียบเป็นอย่างมากธุรกิจ Smartphone และอุปกรณ์ IoT ทุกชนิด ขณะที่ Huawei ในประเทศจีนก็ได้นำเอา 5G มาออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดทำให้ครองความได้เปรียบจนกระทั่งสหรัฐอเมริกาผู้ที่คลองบัลลังก์สมาร์ทโฟนมาอย่างยาวนานต้องสั่นคลอน
ในปัจจุบัน Samsung แห่งเกาหลีใต้ก็ได้ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่า กำลังริเริ่มพัฒนา 6G ให้สำเร็จ ซึ่งจะใช้โครงข่ายดาวเทียมเข้ามาช่วยในการส่งผ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ตให้ได้รวดเร็วกว่า 5G อันนี้ได้จับมือกันกับ SK Telecom Ericsson ประเทศสวีเดน และผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Nokia ในประเทศฟินแลนด์
ขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ได้มีการประกาศความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาให้สามารถใช้งานให้สำเร็จได้ภายในปี 2030 ส่วนทางด้านจีนที่นำโดยบริษัท Huawei ก็ได้ประกาศเช่นเดียวกันว่าจะพัฒนาโดยเริ่มโครงการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนนี้ และได้ตั้งใจขึ้นมาแล้ว ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกายังไม่ได้มีข่าวผู้พัฒนาที่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการมากนัก
จนล่าสุดเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ในทวิตเตอร์บอกว่าในเร็ว ๆ นี้กำลังจะมี 6G ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณว่าสหรัฐอาจมีแผนที่จะพัฒนา 6G มาเป็นคู่แข่งกับเจ้าอื่นในท้องตลาดทั่วโลก เพราะที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาก็มีการขาดดุลทางการค้าอยู่ไม่น้อย เห็นได้จากค่ายมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง Apple ยังไม่ได้มี 5G ออกมาจำหน่าย
ขณะที่สมาร์ทโฟนทางฝั่งเอเชียอย่าง Huawei หรือ Samsung ก็ได้มีการวางจำหน่ายโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 5G กันอย่างแพร่หลาย และเมื่อ Apple เพิ่งจะมีการพัฒนาอุปกรณ์ให้รองรับ 5G ด้วยแล้วกลับพบว่าอาจจะช้าเกินไป ทำให้อเมริกาสูญเสียประโยชน์มากในส่วนนี้
จะเห็นได้ว่าแต่ละประเทศทั่วโลกในขณะที่เพิ่งเริ่มมีการใช้งาน 5G ยังไม่ได้ทั่วถึงมากนัก แต่มีการแข่งขันที่สูง อีกทั้งแนวโน้มในตลาดและเทคโนโลยีก็มีความต้องการที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ 6G อาจจะมาในเวลาที่รวดเร็วจนแทบที่เราอาจตามไม่ทัน
#gadgetมาใหม่ #อัพเดทโลกไซเบอร์ #6G